บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิกิพีเดียก็บิดเบือน

ในบทความ “พระประยุทธ์ตัวบิดเบือน”  ผมได้บอกไปแล้วว่า ผมต้องการที่จะรู้ว่า คุณ swinger ที่ชอบ swinging ไปเอาความรู้ที่ว่า “ตาเห็นได้แต่รูป  ตาเห็นธรรมไม่ได้” นั้นมาจากไหน

แล้วผมก็ไปพบแหล่งข้อมูลที่สันนิษฐานว่า คุณ swinger ที่ชอบ swinging คงไปเอามาจากแหล่งนั้น ซึ่งก็คือ วิกิพิเดีย ซึ่งบิดเบือน ดังนี้

จักษุ (ศาสนาพุทธ)  จักษุ หรือ จักขุ ในทางพระพุทธศาสนา มีความหมายสองประการ คือ

มังสจักขุ ได้แก่ นัยน์ตาเนื้อใช้มองดูสิ่งต่างๆได้ เช่น นัยน์ตาของสัตว์ทั้งหลาย

ปัญญาจักขุ ได้แก่ ความสามารถในการรู้เรื่องต่างๆ ด้วยปัญญา คือ เป็นการรู้ได้ทางใจ ไม่ใช่รู้ได้ด้วยนัยน์ตา

ปัญญาจักขุ[แก้]  ในทางพระพุทธศาสนาแสดงไว้เป็นห้าชนิด คือ

พุทธจักขุ หมายถึง ญาณปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่หยั่งรู้ในอัธยาศัยของสัตว์โลกทั้งปวงได้ เรียกว่า อาสยานุสยญาณ  และญาณปัญญาที่สามารถรู้ นามอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย ว่ายิ่งหรือหย่อนเพียงใด ที่เรียกว่า อินทรียปโรปริยัตติญาณ

สมันตจักขุ หมายถึง ญาณที่สามารถรอบรู้สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งบัญญัติและปรมัตถธรรม ที่เรียกว่า สัพพัญญุตญาณ

ญาณจักขุ หมายถึง ญาณปัญญาที่ทำให้สิ้นอาสวกิเลส เรียกว่า อรหัตมรรคญาณ หรือ อาสวักขยญาณ

ธรรมจักขุ หมายถึง ญาณปัญญาของพระอริยบุคคลเบื้องต่ำทั้งสาม คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี

ทิพพจักขุ หมายถึง ญาณปัญญาที่สามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ไกลแสนไกล ได้อย่างละเอียด ด้วยอำนาจของ สมาธิจิต ที่เรียกว่า อภิญญาสมาธิ

ปัญญาจักขุห้าประการนี้ สมันตจักขุ พุทธจักขุ ย่อมมีได้แต่เฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

ส่วนปัญญาจักขุที่เหลืออีกสามประการ ย่อมเกิดแก่ พระอริยบุคคลอื่นๆ หรือฌานลาภีบุคคล ที่ได้ทิพพจักขุญาณ ตามสมควรแก่ญาณ และบุคคล

ปัญญาจักขุ ๕ มังสจักขุ ๑ รวมเป็น ๖ จึงเรียกกันสั้น ๆ ว่า จักขุ ๖

จักขุ ๕ ยังหมายถึง พระจักษุอันเป็นสมบัติของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้แก่ มังสจักขุ ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ พุทธจักขุ สมันตจักขุ

ในประวัติของอริยบุคคล ธรรมจักขุ ใช้คำว่า "ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน"บ้าง "ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน" บ้าง

ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ บรรยายไว้ว่า ดวงตาเห็นธรรม คือ ปัญญารู้เห็นตามความจริงว่า สิ่งใดก็ตามมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวง ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา

ธรรมจักษุโดยทั่วไป เช่นที่เกิดแก่ท่านโกณฑัญญะ เมื่อสดับธรรมจักร ได้แก่ โสดาปัตติมรรค หรือโสดาปัตติมัคคญาณ คือ ญาณที่ทำให้เป็นโสดาบัน

อ้างอิง[แก้]

พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์".
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".
คุหัฏฐกสุตตนิทเทสที่ ๒ ขุททกนิกาย มหานิทเทส พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙
"อัฏฐสาลินีอรรถกถา"
"อภิธัมมัตถสังคหะ"
"อภิธัมมาวตาร"
abhidhamonline.org

ขอให้ดูข้อความที่เป็นตัวอักษรสีแดง 

ปัญญาจักขุ ได้แก่ ความสามารถในการรู้เรื่องต่างๆ ด้วยปัญญา คือ เป็นการรู้ได้ทางใจ ไม่ใช่รู้ได้ด้วยนัยน์ตา

ปัญญาจักขุ ๕ มังสจักขุ ๑ รวมเป็น ๖ จึงเรียกกันสั้น ๆ ว่า จักขุ ๖

คำว่า “จักขุ” หรือ “จักษุ” ซึ่งความหมายพื้นฐานเลย ก็แปลว่า “ตา” หน้าที่ของตาก็คือ “เห็น” พวกบิดเบือนศาสนาพุทธอย่างเป็นวิชาการ แปลเป็นว่า “รู้ได้ทางใจ ไม่ใช่รู้ได้ด้วยนัยน์ตา

นอกจากจะเป็นคำอธิบายที่สมองหมา ปัญญาความแล้ว  ยังแสดงให้เห็นว่า คนที่ไปเขียนในวิกิพิเดียนั้น เจตนาที่จะบิดเบือนศาสนาพุทธอย่างชัดๆ

แล้วข้อความที่ว่า “ปัญญาจักขุ ๕ มังสจักขุ ๑ รวมเป็น ๖ จึงเรียกกันสั้น ๆ ว่า จักขุ ๖

อ้าว... อย่างนั้น ท่านก็เขียนไปเลยว่า “จักษุในทางศาสนาพุทธ มี 6 ประเภท”  จะไปทะลึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ก่อนทำไม

โง่...แล้ว ยังอยากโชว์โง่ในวิกิพิเดียอีก 








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น