บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

เห็นด้วยญาณปัญญา


บล็อกนี้ มีแรงบันดาลใจในการเข้าไปอ่านกระทู้ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ของคุณสมาชิกหมายเลข 769319  ซึ่งเอาบทความในบล็อกผมไปเผยแพร่ต่อ

ก็มีการถกเถียงกันตามประเพณีของห้องศาสนา   ข้อความหนึ่งที่ผมติดใจ และต้องมาเขียนบล็อกต่างๆ หากเลยก็คือ ข้อความของคุณ swinger ด้านล่างนี้

"เห็นด้วยญาณปัญญา"   หมายถึงความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง อย่างสิ้นสงสัยในพระสัทธรรมนั้น

ไม่ใช่เห็นด้วยตา  ตาเห็นได้แต่รูป  ตาเห็นธรรมไม่ได้ครับ

ผมอ่านข้อความของคุณ swinger ที่ผมสงสัยว่า คงชอบ swinging แล้ว  ผมอึ้งไปพักใหญ่ๆ เพราะ ไม่คิดว่า จะมีคนที่มีความเชื่ออย่างนี้อยู่ในสังคมของคนที่นับถือศาสนาพุทธ

ข้อความที่ว่า “มีดวงตาเห็น...” นั้น อยู่ทั่วไปหมดในพระไตรปิฎก

ข้อความที่ว่า “มีดวงตาเห็น...” ก็แสดงว่า “ตาเห็นธรรม” ได้แน่ๆ ก็พระไตรปิฎก เขียนไว้อย่างนั้น  แต่จะเห็นอย่างไรนั้น มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

มาปฏิเสธว่า “ตาเห็นได้แต่รูป  ตาเห็นธรรมไม่ได้ครับ” มันก็ฉิบหายแน่ๆ

ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป ขอกลับไปอธิบายความเป็นมา ก่อนที่จะมาถึงข้อความดังกล่าวก่อน ดังนี้

หลังจากที่คุณสมาชิกหมายเลข 769319 เปิดกระทู้แล้ว ก็มีการถกเถียงกันตามประเพณี คุณ swinger ที่ชอบ swinging  ก็เข้ามาให้ความเห็นในความคิดเห็นที่ 14 ดังนี้

เรียนท่านสมาชิกหมายเลข 769319

วิชาธรรมกาย คือ การทําสมถะภาวนาธรรมดาๆ นั่นเอง ไม่ใช่วิปัสสนา วิชาธรรมกาย คือ วิชาที่หลงติดอยู่ในนิมิต ไม่สามารถหลุดหรือถอนจิตออกมาจากนิมิตได้

อย่ามามั่วสรุปเอาเองว่า เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าเคยสอนไว้แล้วสูญหายไป  ปฏิบัติไปจนตายก็ไม่มีทางที่จะรู้จักนิพพานของจริง

รู้จักแต่เพียงวิมานนิพพาน  เขตหรือแดนนิพพานที่เต็มไปด้วยพระอรหันต์ที่นิมิตสร้างหลอกตัวเองขึ้นมา 

หลงทางแล้วอย่าพาให้คนอื่นหลงไปด้วยเลยครับ

ขอวิพากษ์วิจารณ์ก่อน ดังนี้

วิชาธรรมกายคือการทําสมถะภาวนาธรรมดาๆ นั่นเอง ไม่ใช่วิปัสสนา” ข้อความนี้ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางปัญญาของพุทธศาสนิกชนกลุ่มหนึ่งอย่างชัดเจน

พุทธศาสนิกชนกลุ่มนี้ มีแต่ความเชื่ออย่างสมองหมาปัญญาควาย คือ ครูบาอาจารย์สอนมาอย่างไร พวกเขาเหล่านั้น ก็เชื่อไปตามคำสอนเลย

ไม่ได้มาคิดแยกแยะ วิเคราะห์วิจารณ์ เพื่อหาความจริงด้วยตัวเอง 

ที่สำคัญที่สุดเลย ก็ไม่ไปค้นคว้าเพิ่มเติม  และที่สำคัญมากไปกว่า “สำคัญที่สุดเลย” ก็คือ ไม่ยอมอ่านคำสอนที่ตนเองไม่ชอบ

ตำราวิชาธรรมกายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนไว้ มี 4 เล่ม คือ

ทางมรรคผล 18 กาย
คู่มือสมภาร
วิชชามรรคผลพิสดาร
วิชชามรรคผลพิสดาร ๒

หนังสือ 3 เล่มหลัก คือ คู่มือสมภาร วิชชามรรคผลพิสดาร และ วิชชามรรคผลพิสดาร ๒ อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า วิชาธรรมกายมีคำสอนวิปัสสนากรรรมฐาน โดยละเอียดด้วย อ่านแล้วสามารถปฏิบัติตามได้เลย

ผมขอบอกว่า สายพระพม่า ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนตามตำราของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

ไอ้พวกสมองหมา ปัญญาควาย มันก็ยังท่องเป็นนกแก้วนักขุนทองปัญญาอ่อนอยู่นั่นแหละว่า “วิชาธรรมกาย คือ การทําสมถะภาวนาธรรมดาๆ นั่นเอง ไม่ใช่วิปัสสนา

ความโง่งี่เง่าของคุณ swinger ที่ชอบ swinging อีกก็คือ ข้อความนี้ “วิชาธรรมกาย คือ วิชาที่หลงติดอยู่ในนิมิต ไม่สามารถหลุดหรือถอนจิตออกมาจากนิมิตได้”

ข้อความนี้ก็เช่นเดียวกัน พวกสมองหมา ปัญญาควายก็ท่องจำกันมา พอมีใครเปิดกระทู้เกี่ยวกับวิชาธรรมกาย ก็เอาข้อความดังกล่าวนี้มาลง

ผมถามจริงๆ ว่า

- พวกสมองหมา ปัญญาควายเหล่านั้น  เคยปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกายหรือไม่

- พวกสมองหมา ปัญญาควายเหล่านั้น  เข้าใจ “นิมิต” จริงๆ หรือไม่

- พวกสมองหมา ปัญญาควายเหล่านั้น  ไปเอาเรื่อง “นิมิต” ของสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ มาวิพากษ์วิจารณ์ “นิมิต” ของวิชาธรรมกาย  โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิชาธรรมกายเลย

มันเป็นเรื่องโคตรสมองหมา ปัญญาควายหรือไม่

อย่างไรก็ดี หลังจากคุณ swinger ที่ชอบ swinging ให้ความเห็นแล้ว คุณสมาชิกหมายเลข 769319 ก็เขียนตอบมาดังนี้

คุณมีหลักฐานมาจากไหนที่จะบอกว่ามันไม่จริง  ขอให้บอกหลักฐานมาด้วยว่า อยู่ในหนังสือวิชาธรรมกายเล่มใด หน้าใด

วิปัสสนาแปลว่า เห็นแจ้ง  มันก็ต้องมี "การเห็น" วิชาธรรมกายก็สอนถูกแล้ว

คุณ swinger ที่ชอบ swinging ก็เขียนตอบมาอีกทีว่า

เรียนท่านสมาชิกหมายเลข 769319

คําว่า "เห็นธรรม" หมายถึง เห็นด้วยญานปัญญา ไม่ใช่เห็นด้วยอายตนะ ตา

ที่ท่านใช้คําว่า เห็น ก็เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ถึงการที่ ญานปัญญาได้รู้แจ้งได้สัมผัสพระสัทธรรมนั้นแล้ว

ตรงนี้จะเห็นว่า คุณ swinger ที่ชอบ swinging ไม่ตอบปัญหาแล้ว  คือ ไม่ไปหาหลักฐานมายืนยัน ก็เพราะ สมองหมา ปัญญาควายกลุ่มนี้ ไม่เคยอ่านหนังสือวิชาธรรมกาย

เมื่อคุณสมาชิกหมายเลข 769319 ขอหลักฐาน พวกนี้ก็จะมั่วนิ่ม ท่องคำเดิม 

คุณสมาชิกหมายเลข 769319 ก็มานะพยายาม ถามอีกว่า เห็นด้วยญาณปัญญา มันเป็นอย่างไร?   อธิบายหน่อยได้หรือเปล่า

คุณ swinger ที่ชอบ swinging ก็ตอบมาว่า

"เห็นด้วยญาณปัญญา"   หมายถึงความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง อย่างสิ้นสงสัยในพระสัทธรรมนั้น ไม่ใช่เห็นด้วยตา    ตาเห็นได้แต่รูป    ตาเห็นธรรมไม่ได้ครับ

จึงเป็นสาเหตุให้เกิดบล็อกนี้ขึ้น






1 ความคิดเห็น:

  1. "เห็นด้วยญาณปัญญา" หมายถึงความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง อย่างสิ้นสงสัยในพระสัทธรรมนั้น

    ไม่ใช่เห็นด้วยตา ตาเห็นได้แต่รูป ตาเห็นธรรมไม่ได้ครับคําว่า "เห็นธรรม" หมายถึง เห็นด้วยญานปัญญา ไม่ใช่เห็นด้วยอายตนะ ตา

    ที่ท่านใช้คําว่า เห็น ก็เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ถึงการที่ ญานปัญญาได้รู้แจ้งได้สัมผัสพระสัทธรรมนั้นแล้ว

    ตรงนี้จะเห็นว่า คุณ swinger ที่ชอบ swinging ไม่ตอบปัญหาแล้ว คือ ไม่ไปหาหลักฐานมายืนยัน ก็เพราะ สมองหมา ปัญญาควายกลุ่มนี้ ไม่เคยอ่านหนังสือวิชาธรรมกาย
    ผม(วรรณชัยขอเพิ่มเติมครับ) การที่พระพุทธองค์ตรัสคำว่าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราคือผู็นั้นดวงตาเห็นธรรม คือรู้ เห็น ความเป็นจริงตามสัจธจะรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ กายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ไม่ใช่เรื่องสำนวนโวหาร สุภาษิต แต่เป็นเรื่องของสัจจะธรรมครับ

    ตอบลบ